ประวัติสาขา

sru-human-cultural-banner2

ความเป็นโลกาภิวัตน์ได้ทำลายพรมแดนระหว่างประเทศทำให้การติดต่อสื่อสารและการคมนาคมระหว่างภูมิภาคต่างๆ เป็นไปอย่างง่ายดาย นำไปสู่การร่วมมือระหว่างประเทศในหลายๆ ด้าน เช่น การเติบโตของประชาคมอาเซียนเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ทำให้ทุกประเทศต้องทำความเข้าใจ และทบทวนวัฒนธรรมของตนและเรียนรู้การอยู่ร่วมกันกับวัฒนธรรมอื่นๆ อย่างเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม หรือการอยู่ร่วมกันโดยสันติในสังคมซึ่งเต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม เปิดโอกาสให้วัฒนธรรมหลักของชาติต่างๆ และวัฒนธรรมพื้นบ้านซึ่งมีอยู่อย่างหลากหลายได้แสดงตัวออกมา วัฒนธรรมเหล่านี้เป็นทุนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ทุนทางวัฒนธรรม” ซึ่งหากประเทศใดสามารถสร้างความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งต่อวัฒนธรรมของตน ก็จะสามารถแปรทุนทางวัฒนธรรมดังกล่าวเป็นวัตถุดิบ นำไปสู่การสร้างคุณค่าให้กับสังคมจนเป็นที่น่าเชื่อถือในสังคมโลก และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทุนทางวัฒนธรรมเหล่านั้นด้วยการนำแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจใหม่ที่นำเอาวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยีรวมไว้ด้วยกันมาเป็นองค์ความรู้ในการจัดการ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีทรัพยากรทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย จึงนับว่ามีทุนทางวัฒนธรรมอยู่อย่างมั่งคั่ง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณี ศิลปกรรมทุกแขนง  หรือภูมิปัญญาที่สั่งสมมาตั้งแต่โบราณ การนำสิ่งเหล่านี้มาเป็นทุนสร้างให้เกิดคุณค่าและมูลค่า จำเป็นจะต้องมีองค์ความรู้ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ส่งเสริม และพัฒนาต่อยอด สถาบันการศึกษาควรจัดหลักสูตรทางวัฒนธรรมโดยสร้างกิจกรรมการเรียนรู้อย่างเหมาะสม เป็นเครื่องมือพัฒนาผู้เรียนให้มีความเข้าใจในคุณค่าที่แท้จริงของวัฒนธรรม มีทักษะ ทัศนคติและพฤติกรรมที่ดีงาม สามารถเลือกสรรและสร้างสรรค์ นำวัฒนธรรมไปประยุกต์ใช้ให้เกิดคุณค่าและมูลค่าเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างเหมาะสม และสามารถเข้าใจความหลากหลายทางวัฒนธรรม เข้าใจธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง เข้าใจสิ่งแวดล้อม สามารถคิด วิเคราะห์ จินตนาการ หาแนวทางสร้างสรรค์และแก้ไขปัญหาทางวัฒนธรรมต่างๆ ได้อย่างอย่างเหมาะสม

การพัฒนาในอดีตเน้นการพัฒนาประเทศไปสู่ความทันสมัย โดยเน้นพัฒนาเศรษฐกิจ และละเลยมิติทางวัฒนธรรมของชาติไปเป็นเวลานาน เมื่อก้าวเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ที่ต้องเผชิญกับกระแสวัฒนธรรมจากนานาชาติอย่างหลากหลายกลับพบว่าในปัจจุบัน ชาติที่มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจหลายๆ ประเทศกลับใช้วัฒนธรรมเป็นฐานในการผลักดันความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ และสร้างภาพลักษณ์ของประเทศให้เป็นที่น่าเชื่อถือ การให้ความสำคัญกับการจัดการทางวัฒนธรรมจึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจละเลย สถาบันการศึกษาควรเป็นหลักในการสร้างหลักสูตรที่เหมาะสมขึ้นมารองรับสถานการณ์ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมในปัจจุบัน และแนวโน้มสังคมและวัฒนธรรมในอนาคตให้มากที่สุด  สาขาวิชาการจัดการทางวัฒนธรรม คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัย   ราชภัฏสุราษฎร์ธานี จึงทำการปรับปรุงหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการทางวัฒนธรรม ให้สอดรับกับการพัฒนาทางสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน เพื่อรองรับการเป็นประชาคมอาเซียนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้